“ไทยโมบาย” ดิ้นไม่พ้นบ่วงกรรม เมื่อผู้ขายเสนอแพง-ผู้ซื้อเสนอถูก นัดถกใหม่หลัง 14 กันยานี้…ย้ำขืนไม่จบ!!โยนให้ รมต.ชี้ขาด

ส่อแววยืดเยื้ออีกนานสำหรับปัญหาการซื้อขายหุ้น “ไทยโมบาย” ธุรกิจโทรศัพท์ มือถือสองสายเลือดระหว่าง บมจ. กสท โทรคมนาคม ที่ถือหุ้นอยู่ประมาณ 42 % กับ บมจ. ทีโอที ที่ถือหุ้นประมาณ 58% ซึ่งคงยังคาราคาซังกันต่อไปเช่นเดิมเมื่อผู้ขายอย่าง กสท เสนอตัวเลขขายมากถึง 3,500 ล้านบาท แต่ผู้ซื้ออย่าง ทีโอที เสนอซื้อต่ำกว่าครึ่งด้วยตัวเลขเพียง 1,310 ล้านบาท โดยทั้งหมดนี้เป็นราคาที่ไม่นับรวมหนี้สินเข้ามาเกี่ยวข้อง

ด้านปลัดไอซีที “ไกรสร พรสุธี” ชี้ถึงนัดนี้ตกลงกันไม่ได้ก็พร้อมนัดถกใหม่อีกรอบหลัง 14 กันยายนนี้… ลั่นหากงวดหน้ายังไม่สามารถสรุปราคาได้อีกจะโยนเรื่องให้เจ้ากระทรวงไอซีที เคาะราคาให้ทันที

ไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือเรื่องการซื้อขาย “ไทยโมบาย” ธุรกิจโทรศัพท์มือถือระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม กับ บมจ.ทีโอที ซึ่งมีตัวแทนทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมประชุมด้วย ได้แก่ สุคนธ์ กาญจนหัตถกิจ เป็นผู้แทนจาก กสท และ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ในฐานะกรรมการบอร์ด เป็นผู้แทนจากทีโอที

 

 

 

โดยมีตัวเลขข้อเสนอในการซื้อขายของทั้งสองฝ่ายออกมาว่า ทาง กสท ได้เสนอขายราคา 3,500 ล้านบาท แต่ด้านทีโอทีเสนอรับซื้อในราคาเพียง 1,310 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดผลต่างของราคากันประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่งเหตุที่ตัวเลขต่างกันมากนั้นอาจเป็นเพราะตัวเลขในการคำนวณถึงอัตราการเติบโตของตลาดที่แตกต่างกัน เช่นเรื่องของฐานลูกค้า ฯลฯ

ดังนั้นถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีสูตรในการคำนวณเหมือนกัน แต่เมื่อตัวเลขของค่านี้แตกต่างกันแล้วก็ย่อมทำให้ตัวเลขห่างกันพอสมควรแน่นอน

จะอย่างไรแล้ว ไกรสร มองว่า เรื่องนี้คงไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกเนื่องจากเป็นเรื่องของอนาคตที่มองไม่เหมือนกัน โดยด้านหนึ่งถ้ามองโลกในแง่ดี เจริญเติบโตดี ก็ต้องพยากรณ์ไว้สูง แต่อีกด้านหนึ่งหากมองว่าไม่น่าจะดีก็จะพยากรณ์ไว้ต่ำ ซึ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการเสนอตัวเลขดังกล่าวแตกต่างกันออกไป

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นอื่นตามมาอีกว่า ถ้าท้ายสุดยังตกลงกันไม่ได้แล้วทางทีโอทีก็ได้เสนอให้ทาง กสท รับซื้อกิจการไทยโมบายไป แต่ทาง กสท กลับปฏิเสธพร้อมอ้างว่า กสท มีกิจการโทรศัพท์มือถือในระบบ ซีดีเอ็มเออยู่แล้วและไม่มีนโยบายในการรับซื้อกิจการไทยโมบายด้วยเช่นกัน

ดังนั้นจึงได้เสนอไปว่า หากตกลงกันไม่ได้จริงๆก็จะส่งเรื่องทั้งหมดให้รัฐมนตรีไอซีทีเป็นผู้ตัดสิน

ถึงกระนั้นในที่ประชุมก็อยากให้ลองเจรจาหารือกันอีกรอบหนึ่ง โดยมอบหมายให้ทางทีโอที พิจารณาราคาซื้อว่าจะขยับขึ้นได้อีกมากน้อยเท่าใด และให้ทาง กสท พิจารณาราคาขายจะสามารถขยับลงได้อีกเท่าใดก่อนนำเสนอเข้าบอร์ด ทีโอที ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 14 กันยายนนี้ ถัดจากนั้นก็จะนัดหารือกันอีกรอบ

และหากรอบหน้ายังไม่สามารถสรุปได้อีกว่า ราคาจะเป็นเท่าใดแล้วก็จะส่งเรื่องให้รัฐมนตรีไอซีที เป็นผู้พิจารณาทันที

“หากมีการพูดคุยอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตัวเลขยังห่างกันมาก ก็จะส่งเรื่องถึงรัฐมนตรีไอซีที ให้เคาะราคาออกมาเองโดยการซื้อขายในครั้งนี้เป็นการตกลงซื้อขายได้รวมหนี้ด้วย ซึ่งหมายถึงว่า หากทางทีโอทีซื้อไป ก็จะรับภาระหนี้ไปด้วยประมาณ 3,000 ล้านบาท” ไกรสร กล่าวในที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *