ขบวนนวัตกรรมใหม่สุด Cool! จอคิวพาเหรดสู่งาน “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2006” ภายใต้แนวคิด “อาร์ ยูคูล (Are You Cool)” บนพื้นฐาน 2 แนวคิดไฮเทคสู่อนาคต “คลู เกียร์ (Cool Gear) และคลู โซลูชั่น (Cool Solution)” ตอบสนองทุกเทรนด์ ทันทุกเทคโนโลยี อย่างที่คนไทยไม่เคยสัมผัสมาก่อน จากต้นปีที่แล้วเทคโนโลยีนิ่งไม่แตกต่างมากนัก
ประเดิมด้วย คลู เกียร์ (Cool Gear) โชว์สีสัน “Media Center in Robot” เพื่อนคู่พันธุ์ใหม่ที่กำลังเข้าเยือนทุกบ้าน กับหุ่นยนต์ไฮเทค มาพร้อมเสนอความบันเทิงได้หลากหลายมีเดีย ผ่านทางหน้าจอ ทั้งเล่นเกม ฟังเพลง ถ่ายภาพและอัดวีดีโอ หากใครมีไอเดีย ยังสามารถต่อยอดเป็นหุ่นยนต์ต้อนรับหรือดูแลผู้สูงวัยได้
ขณะที่ หุ่นยนต์ตัวนี้ เดินทางมาพร้อมกับ ต้นแบบยานยนต์ล้ำสมัย “H-racer” ใช้พลังงานไฮโดรเจนขับเคลื่อน เป็นพลังงานสะอาด ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicles) สร้างขึ้นใหม่ได้ (Renewable) ปลอดภัยต่อผู้ใช้และคนรอบข้าง
ปัจจุบันมีของรถ H-racer ของจริงออกมาอวดโฉมและให้จับจองเป็นเจ้าแล้วที่ประเทศเยอรมัน แต่ขอบอกว่า ยังติดปัญหาทั้งราคาที่แพงสูงริบและปั้มน้ำมันเติมไฮโดรเจนมีน้อยเกินไป อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นอุปสรรคกับ 2 ค่ายรถหรูชั้นนำอย่าง BMW และ BENZ สามารถปั้นแต่งจนสำเร็จ และได้ประกาศตั้งเป้าพร้อมทำตลาดปลายปีนี้แน่นอน ทำให้เอาอีกหลายค่ายไม่ยอมแพ้ กำลังไล่บี้เร่งผลิตออกมาเช่นกัน
หากเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกก็จะเปลี่ยน “เทคโนโลยีไฮโดรเจน” เป็นบทพิสูจน์ได้อย่างลงตัว และกลายเป็นตัวแปรสำคัญในอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลกไปแล้ว จากคุณสมบัติมาแทนการสันดาปด้วยพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันดังกล่าว ในก้าวต่อไปคงหนีไม่พ้นใส่เข้าในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้ง “พีซีและโน้ตบุ๊ก” เรียกง่ายๆ ว่า “หากพลังงานหมดก็เติมน้ำ” เท่านั้น และยังสามารถทำงานได้ต่ออย่างราบรื่น
ส่วนใน คลู โซลูชั่น (Cool Solution) หากพูดถึงพื้นที่วางเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีแล้ว ถ้าเหลือแค่ปลั๊กอันเดียว ที่สามารถต่อเชื่อมได้ทั้ง จอ เมาส์ คีย์บอร์ด ไมค์ และลำโพง ผ่านผนังแล้วกลายเป็น พีซีหนึ่งเครื่อง ตามแนวคิด “Computer in the wall” โดย Invisible PC (Pack PC) คอมพิวเตอร์ถูกฝังเข้าไปในผนังแล้ว และสามารถทำงานจากเครื่องแม่ข่ายได้ เพียงขนาดเท่ากำปั้น แต่มีความเร็ว 1.2 GHz หน่วยความจำเป็นแฟลตแมมโมรี่ และควบคุมจัดเก็บข้อมูลเข้าไปที่เครื่องแม่ได้ทันที ธุรกิจสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้
ต้องยอมรับว่า โซลูชั่นนี้ตอบโจทย์ความต้องการของของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี ยุคหน้าได้อย่างลงตัวและง่ายดาย
มาควบคู่กับเทคโนโลยีที่เริ่มคุ้นหูมาบางแล้ว “RFID (Radio Frequency Identification)” เทคโนโลยีสุดไฮเทค ครั้งแรกของธุรกิจไทยกับการคิดเงินที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ภายใน ร้านหนังสือ “RFID Book Store” ผ่านระบบไร้สาย เพียงแค่นำสินค้าผ่านจุดชำระเงิน ระบบจะคิดเงินให้ทันที ไม่ต้องรอสแกนสินค้าจากบาร์โค้ด อีกต่อไป
ขณะเดียวกันใน “Commart อยากโชว์” ปฏิบัติการ Modify สัมผัสเทคโนโลยีใกล้ตัวกับ “รถอัจฉริยะ (Intelligent Car)” รถคันแรกที่มีเทคโนโลยี i-Car ระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ด้วยโปรเพสเซอร์ อินเทล คอร์ทูดูอัลถึง 4 ตัว ที่แยกการทำงานอย่างอิสระ ยิ่งเสริมสมรรถนะตอบสนองได้ทั้งการทำงานและความบันเทิงผ่านเครือข่ายได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ทั้งรวดเร็วและแรงก่อนใครแบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม “เทคโนโลยีอนาคต” จะกลายเป็น “ไอทีที่จับต้องได้” หรือไม่นั้น คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ “ผู้ใช้” จะเริ่มซื้อเพื่อใช้จริงๆ เมื่อไหร่ โดยที่ปัจจุบันส่วนใหญ่ของผู้เข้าชมงานคอมมาร์ตทุกครั้งมาเพื่อซื้อสินค้าไอทีถึง 50% จากก่อนหน้านี้มาเพื่อซื้อประมาณ 30%
ปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์. อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคเดชัน จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้าไอที ภายใต้ชื่อ “คอมมาร์ต” มองเห็นว่า ขณะนี้กำลังซื้อในประเทศยังมีอยู่ จากการสำรวจพบว่าประชากร 100 คนมีคอมพิวเตอร์ใช้เพียง 4.7 เครื่อง ตัวเลขนี้สูงกว่า 5 ปีที่แล้วซึ่งมีอัตราการใช้คอมพิวเตอร์ต่อประชากร 100 คนอยู่ที่ 1.5 เครื่อง
ขณะที่สหรัฐอเมริกาอัตราการใช้คอมพิวเตอร์ต่อประชากรอยู่ที่ 74% บางเมืองที่เป็นเมืองใหญ่มีคอมพิวเตอร์มากกว่าทีวี แสดงให้เห็นทิศทางการพัฒนาด้านไอทีของไทยยังไปได้อีกไกล คาดว่า งานคอมมาร์ตครั้งนี้ จะทำรายได้ในงานได้มากกว่า 1,400 ล้านบาท จากครั้งที่ 2 จัดเมื่อกลางปี มียอดการซื้อขายในงานประมาณ1,200 ล้านบาท และครั้งแรกเมื่อต้นปีมีเพียง 1,000 ล้านบาท
โดยที่ยังมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ มาพบกับกิจกรรมแบบ Cool! ได้อีกภายในงาน “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2006” ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 2 – 5 พ.ย. 2549 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สามารถรายละเอียดติดตามได้จาก www.commartthailand.com