กลยุทธ์ถือไพ่เหนือ“ยูสเซอร์” ไมโครซอฟท์พลิกใช้“วิสต้า”

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในวงการไอทีบ้านเรา มักจะเกิดคำถามที่ว่า “เราควรจะก้าวไปหรือยัง” ถ้ามีความต้องการก็ต้องไป แต่ถ้ายังก็อยู่จุดเดิมไปก่อน กลายเป็นคำตอบแบบไม่ต้องคิดมากสำหรับ “ยูสเซอร์” หรือผู้ใช้ทั่วไป ขณะเดียวกัน กลับเป็นโจทย์หินในทันทีให้กับ “ไมโครซอฟท์” หลังขยับตัวงัดไม้แข็ง ชี้ชัดปล่อย “วินโดส์ว วิสต้า” ให้บริการสำหรับลูกค้าที่ใช้งานทางด้านธุรกิจ พฤศจิกายน นี้ และสำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป จะได้เห็นรูปโฉมวิสต้าไม่เกินปลายเดือนมกราคมปีหน้า 

โดยจะมีให้เลือกถึง 6 เวอร์ชั่น ซึ่ง 2 เวอร์ชั่นจะเหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจได้แก่ Business และ Enterprise สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก็สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง Ultimate และ Business ซึ่งจะมีฟีเจอร์บางชนิดคาบเกี่ยวกันอยู่อีก 3 เวอร์ชั่น ได้แก่ Home Basic, Home Premium และ Ultimate จะเหมาะสำหรับผู้ใช้ตามบ้าน ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตลาดเกิดใหม่ด้านไอทีจะตัดเวอร์ชันของ Starter Edition ออกไป

อีกทั้งเริ่มเห็นปรากฎการณ์จากฝั่งค่ายผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ “พาเหรดอัพเกรดสินค้า” รองรับระบบปฏิบัติการจากวินโดวส์ เอ็กซ์พีมาเป็นวินโดวส์ วิสต้า ไม่ว่าจะเป็น ชิบเซ็ท คอมพิวเตอร์พีซีและโน้ตบุ๊ก จอแอลซีดี รวมถึงอุปกรณ์ต่อพวกแบบไวเลสต่างๆ อาทิ เมาส์ คีย์บอร์ดและเว็บแคม

แต่  “วินโดวส์ วิสต้า” อาจจะ “ไม่ตูมตาม” อย่างหวัง เนื่องจากประเด็นหลักอยู่ที่ว่า “ยูสเซอร์จะวิ่งไปใช้เทคโนโลยีนั้นหรือไม่ มากกว่าเทคโนโลยีพร้อมแล้วหรือยัง” ซึ่งขณะนี้คนทั่วไปกำลังมองหาสิ่งใหม่ๆ บนพื้นฐาน “ใช้งานมากน้อยแค่ไหน” จะเป็นความต้องการที่กำลังมาเยือน

“นวัตกรรมอนาคตต้องไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคนต้องอยู่กับเทคโนโลยีเดิม ๆ  แต่  วิสต้า มีระยะเวลาตั้งไข่ทำตลาดแต่ละกลุ่มคงไม่ได้เปลี่ยนภาพอุตสาหกรรมและการใช้งานไอทีทั้งประเทศแบบทันทีทันใด เหมือนช่วงเปลี่ยนมาสู่วินโดวส์ เอ็กซ์พี  สิ่งที่ไมโครซอฟท์ต้องตีโจทย์อย่างเดียวคือ ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคใช้เพราะปัญหาคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิวัติตัวเองไปสู่เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ” ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช  ผู้คร่ำหวอดในวงการไอทีและรองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์.อิมฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด  กล่าว

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์  ได้ใช้วิธีผลิกเกมการตลาดอย่างเหนือชั้น  “เปลี่ยนอุปสรรคมาสร้างโอกาส”  อยู่ที่ยูสเซอร์จะเลือกใช้บนแพลตฟอร์มวินโดส์วใหม่ ภายใต้การตีกรอบด้วยจุดแข็ง “วินโดส์ว วิสต้า”  ที่เสนอการทำงานเอกสารรูปแบบใหม่ ในคอนเซ็ปต์ของวินโดวส์ วิสต้าประกอบไปด้วย 3 C คือ clear-การจัดการข้อมูลที่ง่ายและชัดเจนขึ้น connect-รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ และ confidence-มั่นใจในความปลอดภัย อีกทั้งตอบโจทย์โมบิลิตี้ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ได้ดีและชัดเจนยิ่งขึ้น  ภายใต้มาตรฐาน XML  สามารถรับส่งเอกสารไฟล์ข้อมูลได้อิสระ จากแต่เดิมคนอาจยึดติดกับฟอร์แม็ตบางอย่าง

หรือหากยูสเซอร์เปลี่ยนไปใช้แฟลตฟอร์มอื่นๆ เลย ซึ่งอาจจะไม่เคยชินและมีความยากในขั้นต้น ดังนั้น  ไมโครซอฟท์ เปิดทางเลือกจากข้อจำกัดของตนเอง ในแง่อีก 7 ปีจะยกเลิก แพลตฟอร์มวินโดวส์ เอ็กซ์พี  แต่ถ้าใครมีไลเซ่นส์ของแท้อยู่แล้วสามารถเปลี่ยนไปเป็น “วินโดส์ว วิสต้า” เพียงเสียเงินแค่เล็กน้อยไม่เกิน 10,000 บาท

ส่วนการเปลี่ยนรูปร่างหน้าต่างการทำงานนั้น จะไม่มีผลกระทบต่อฐานลูกค้าไมโครซอฟท์ เชื่อว่า ไม่สะดุด เพราะเทคโนโลยีใหม่พัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ดีกว่า  เป็นวัฏจักรของเทคโนโลยีที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากเริ่มทำตลาด “ไมโครซอฟท์” ตั้งเป้ารายได้จากฐานของลูกค้าเดิม ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เอ็กซ์พี จะมีการเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ทั้งหมด

ในวันนี้ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ กินส่วนแบ่งในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วโลกได้มากถึง 90 % พร้อมกับรายได้มากกว่า 44 พันล้านเหรียญสหรัฐ พรรณี จิรายุพัฒนา ผู้จัดการการตลาดกลุ่มธุรกิจวินโดวส์ ไคลเอ้นท์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด  คาดว่า ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ จะใช้เวลาประมาณ 3 ปี ยูสเซอร์จะปรับเปลี่ยนเครื่องมือรองรับและทดลองใช้ สู่การยอมรับ เหมือนกับการเปลี่ยนจากระบบปฏิบัติการ วินโดส์ว 98  มาเป็น วินโดส์ว เอ็กซ์พี หลังจากประกาศตัวเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ประมาณ 30% ของตลาดในไทยจะเปลี่ยนไปสู่ “วินโดส์ว วิสต้า” โดยฉพาะกลุ่มคนไอทีและคนรุ่นใหม่ จะเป็นกลุ่มคนแรกๆ พร้อมไปสู่เทคโนโลยีดังกล่าวพร้อมกับความเข้าใจ แต่อาจจะมีบางกลุ่มที่ไม่ใช้ทันที เพียงแค่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่รองรับเทคโนโลยีล่าสุดเท่านั้น  ถือเป็นกลุ่มที่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองจะเติบโตประมาณ 9.2%

จากไอดีซี รายงานว่า ปีหน้าตลาดคอมพิวเตอร์ จะมีอัตราการเติบโตถึง 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ  เป็นธรรมชาติของพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งไอทีกลายเป็น “ส่วนหนึ่งในชีวิตแล้ว” ส่วนภาครัฐคงจะมีการลงทุนไอทีปลายปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมต้นปีหลังเพราะงบใหม่เริ่มชัดเจนและช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ช่วยปลุกตลาดไอทีจากที่ซบเซามาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ท้ายสุด “Consumer inside” หากผู้บริโภค “ไม่ตัดสินใจใช้ เทคโนโลยีนั้นก็ไม่เกิด” แต่ ณ วินาทีนี้ ในบัญญัติของไมโครซอฟท์ ไม่มีคำว่าถอยหลัง สำหรับ “วินโดวส์ วิสต้า” กลับเป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเลยทีเดียว ฟ้าใหม่ปีหน้าวงการไอทีไทยและทั่วโลกจะสะเทือนได้แค่ไหนคงต้องจับตาดู อย่าพลาด! แม้แต่เสี้ยววินาที
เดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *